วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

ยูทิลิตี้สำหรับแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์


ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพการทำงานสูง แต่จากประสบการณ์ทำงานของผู้ใช้ทั่วไปก็ยังคงพบว่าเกิดปัญหาขึ้นอยู่เสมอ ซึ่ง
ปัญหาเหล่านี้มีหลากหลาย เช่น บางครั้งเกิดจากปัญหาโปรแกรมที่นำมาใช้ไม่สมบูรณ์ ปัญหาทางด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ หรือเกิดจากความผิดพลาดของผู้
ใช้เอง
ในบทนี้จะขอแนะนำยูทิลิตี้สำคัญ ๆ ที่สามารถเลือกนำมาใช้ในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยโปรแกรมที่จะกล่าวถึง มีดังนี้

โปรแกรม Norton Antivirus แก้ปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์
โปรแกรม AdAware แก้ปัญหาเรื่องสปายแวร์
โปรแกรม EasyRecovery แก้ปัญหาเรื่องการกู้ข้อมูล

1. Norton Antivirus จัดการไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือโปรแกรมที่พยายามเข้าไปอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่ให้เจ้าของเครื่องทราบ ไว้รัสคอมพิวเตอร์แพร่พันธุ์ได้โดยการเกาะติดกับ
โปรแกรมใช้งาน เช่น โปรแกรม Word และติดกับไฟล์ข้อมูล จนไปถึงแฝงตัวเข้าไปใน Windows
ไวรัสคอมพิวเตอร์ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง แต่เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยนักคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเล่นสนุก หรือจงใจต้องการสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้อื่น ๆ โดย
ลักษณะของไวรัสทุกตัว คือการเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำของเครื่อง และพยายามแพร่พันธุ์ทางแผ่นดิสก์ สื่อบันเทิงต่าง ๆ หรือผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ใน
องค์กรและอินเทอร์เน็ต


ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันมีไวรัสเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งไวรัสแต่ละชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกันไป ไวรัสบางชนิดอาจสร้างความปั่นป่วนเพียงเล็กน้อยในเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่บางชนิดอาจสร้างปัญหาหนักกว่านั้นมาก เช่นมันอาจทำลายไฟล์ข้อมูลในเครื่อง ไปจนถึงทำให้ Windows ใช้งานไม่ได้เลย เราสามารถแยกประเภทของไว
รัสได้ ดังนี้

ไวรัสที่ซ่อนตัวใน Boot sector
Boot sector เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลระบบที่คอมพิวเตอร์ต้องอ่านทุกครั้งเมื่อเรียกใช้ Windows ถ้ามีไวรัสเกาะอยู่ใน Boot sector ไวรัสตัวนั้นจะถูก
เรียกใช้พร้อมกับ Windows และจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำด้วยหลังจากที่ไวรัสได้เคลื่อนย้ายเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำ เมื่อใดที่มีการโอนย้ายข้อ
มูลไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม คอมพิวเตอร์ที่นำข้อมูลจากเครื่องเราไปใช้จะติดไวรัสทันที
ไวรัสที่เกาะติดกับไฟล์ข้อมูล หรือโปรแกรม
ไวรัสที่แพร่พันธุ์โดยการเกาะติดกับไฟล์ข้อมูล หรือไฟล์โปรแกรมที่มีนามสกุล .com และ .exe (แต่บางไวรัสจะติดไฟล์ .sys .drv .bin และ .ovl ได้)
โดยเมื่อเราเรียกใช้ไฟล์ข้อมูลหรือไฟล์โปรแกรมนั้น ไวรัสจะเริ่มทำงานและเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำ หลังจากนั้นเมื่อมีการเรียกใช้ไฟล์ข้อมูล หรือโปร
แกรมอื่น ไฟล์เหล่านั้นจะติดไวรัสทันที
ไวรัสที่เป็นมาโคร
ไวรัสประเภทนี้ เป็นมาโครที่ำทงานกับโปรแกรม Word หรือ Excel ซึ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างมากเพราะเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์หันมาโอนย้ายไฟล์ข้อ
มูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กร และอินเทอร์เน็ต (แบบไปกับอีเมล์) มากขึ้นเท่าใด ไวรัสประเภทนี้ก็ยิ่งแพร่กระจายได้รวดเร็วและกว้างขวางขึ้น
เท่านั้น



Norton Antivirus เป็นโปรแกรมที่มีการใช้งานค่อนข้างง่าย สามารถตรวจสอบไวรัสและซ่อมแซมไฟล์ที่ติดไวรัสให้โดยอัตโนมัติ การตรวจจับไวรัสที่ซ่อน
มากับอีเมล์ก่อนที่เราจะนำไฟล์อีเมล์นั้นมาใช้ และทำการโหลดข้อมูลเพื่ออัพเดตไฟล์สำหรับตรวจสอบไวรัสตัวใหม่ ๆ โดยอัตโนมัติ
เมื่อสงสัยว่าเครื่องของเราติดไวรัส หรือเมื่อนำแผ่นข้อมูล เช่น แผ่นซีดี/ดีวีดี หรือไดรว์หน่วยความจำมาจากที่อื่น เป็นต้น หรือในกรณีที่อัพเดตข้อมูลไวรัส
ใหม่เสร็จ ขอแนะนำให้ตรวจสอบไวรัสก่อนทุกครั้ง ดังขั้นตอนต่อไปนี้



เราสามารถระบุตำแหน่งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการตรวจหาและกำจัดไวรัส (ในขั้นตอนที่ 3) ได้ดังนี้

Scan Drives : สแกนเฉพาะไดรว์ที่ระบุ
Scan folders : สแกนเฉพาะโฟลเดอร์ที่เลือก
Scan files : สแกนเฉพาะไฟล์ทีเ่ลือก
ในที่นี้เลือกสแกนไดรว์ ซึ่งจะปรากฏรายการไดรว์ให้เราเลือก จากนั้นคลิกเปุ่ม Scan เพื่อให้โปรแกรมเริ่มตรวจหาไวรัสบนไดรว์หรือโฟลเดอร์ที่เราระบุ หลัง
ตรวจหาไวรัสถ้าโปรแกรมพบไวรัสก็จะแจ้งให้ทราบ เช่น ชื่อไวรัส ชื่อของไฟล์ที่ติดไวรัสตัวนี้ เป็นต้น โดยโปรแกรมจะจัดการไวรัสให้โดยอัตโนมัติ หรือเราเลือก
จักการเองก็ได้



ให้เราคลิกเมาส์ไปที่แท็บ Attention Required เพื่อเลือกรูปแบบการจัดการไฟล์ที่โปรแกรมสแกนพบ และคิดว่าน่าจะมีความเสียง (อาจจะเป็นไวรัส)



Fix : กู้ไฟล์ที่ติดไวรัสให้ใช้านได้เหมือนเดิม
Ignore : ไม่จัดการใด ๆ กับไฟล์นั้น เช่น กรณีที่ไฟล์ที่มีความเสี่ยงน้อย
Exclude : หากไฟล์ที่ติดไวรัสเป็นไฟล์ที่ไม่สำคัญ เราก็สามารถเลือกตัวเลือกนี้เพื่อนำไฟล์ไปกักกันไว้ในส่วนของ Quarantine


สำหรับไฟล์ที่โปรแกรม Norton AntiVirus ตรวจพบว่าน่าจะติดไวรัสเมื่อ
เลือก Exclude โปรแกรมจะส่งไฟล์นั้นไปกักกัน (Quarantine) ไว้ก่อน ซึ่งจะ
ไม่สามารถเรียกใช้งานไฟล์นั้ได้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไวรัสที่มากับไฟล์



โปรแกรม Norton Antivirus จะทำงานอยู่เบื้องหลัง คอยตรวจสอบไวรัสให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราอยู่ตลอดสังเกตไอคอน บริเวณทาสก์บาร์ โดย
เมื่อตรวจพบไวรัส โปรแกรมจะจัดการไว้รัสให้อัตโนมัติ และแสดงหน้าต่างให้ทราบ




2. AdAware จัการสปายแวร์ที่มากับอินเทอร์เน็ต
ปัญหาบางอย่างไม่ได้มาจากไวรัสก็มี แต่จะเป็นการเจอเข้ากับโปรแกรมพวกสปายแวร์ (Spyware) ที่แอบเข้ามาติดตั้งในเครื่องทางเน็ต ซึ่งเมื่อโปรแกรม
เหล่านี้ทำงานก็จะทำให้เครื่องช้า หรือรบกวนความเป้นส่วนตัวของเรา

2.1 รู้จักสปายแวร์
สปายแวร์ คือ ซอฟต์แวร์ขนาดเล็กที่แอบเข้ามาติดตั้งหรือทำงานบนเครื่องของเรา โดยมักเข้ามาขณะเปิดเว็บหรือเปิดอีเมล์ หรืออาจแฝงมากับซอฟต์แวร์ที่
ผู้ใช้โหลด และนำมาติดตั้งลงบนเครื่องแมื่อสปายแวร์ได้ย่างกรายเข้ามาอยู่เครื่องของเรา อาการที่ออกมาจะบ่งบอกได้หลายประการ ดังนี้

เมื่อเปิดบราวเซอร์ ปรากฏว่ามีหน้าเว็บอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาเป็นหน้าแรก และเข้าไปปรับแก้ไขแล้วก็กลับมาใหม่อีกทุกครั้งเมื่อเปิดเว็บ
มี Pop Up โฆษณาขึ้นมาอยู่ตลอด ในขณะที่เปิดเว็บค้างไว้ โดยที่ไม่ได้มีการคลิกหรือทำอะไรกับหน้าเว็บเลย
มีแถบเครื่องมือ (Tool Bar) แปลก ๆ เพิ่มขึ้นมาบนหน้าต่างบราวเซอร์
มีไอคอนโฏษณาปรากฏขึ้นมาบนเดสก์ท็อห แม้ลบไปแล้วก็ยังกลับมาแสดงตลอด
รายชื่อเว็บไซต์ใน Favorites เพิ่มขึ้นมาจากไหนไม่ทราบทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเข้าเว็บนั้น ๆ มาก่อน
ไฟฮาร์ดดิสก์ก็มีการทำงานอยู่ตลอด ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำงานใด ๆ กับเครื่อง
หน้าเว็บใดที่เปิดเข้าไม่ได้ จะแสดงเป็นหน้าเว็บที่สปายแวร์เซตไว้ให้เป็นหน้าเว็บเริ่มต้นตลอด




ความจริงยังมีตัวป่วนอีกตัวหนึ่ง ก็คือ Adware ที่สร้างความรำคราญได้ใกล้เคียกัน โดย Adware โดยมักจะมาพร้อมกับโปรแกรมแจกฟรีทั้งหลายซึ่งจะถาม
ความสมัครใจของเราก่อน (แต่ส่วนใหญ่มักบังคับ) Adware พวกนี้ เราสามารถเอาออกไปได้ โดยจ่ายเงินเพื่อลงทะเบียนโปรแกรมให้เรียบร้อย

2.2 จัดการสปายแวร์ด้วยโปรแกรม Ad-aware
หากสงสัยว่าเจอกับสปายแวร์เข้าแล้ว ก็สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมช่วยจัดการสปายแวร์มาติดตั้งได้ Ad-aware เป็นโปรแกรมฮิตที่ควรมีไว้ติดเครื่อง
เพราะการระบาดของสปายแวร์นั่นเอง โดยดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้ง และใช้งานได้ฟรีจากเว็บไซต์ www.download.com



หลังจัดการสปายแวร์หมดแล้ว จะพบว่าเครื่องทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนั้นสปายแวร์ยังมีการเกิดขึ้นใหม่ของซอฟต์แวร์จำพวกนี้ขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้นจำเป็น
ที่เราต้องอัพเดตโปรแกรม Ad-aware เพื่อให้สามารถป้องกันสปายแวร์ได้อย่างครบเครื่อง


นอกจากโปรแกรม Ad-aware แล้ว อีกโปรแกรมหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ก็คือโปรแกรมกำจัดสปายแวร์จากบริษัท Microsoft ที่ชื่อ Windows Defender ซึ่งถูกติดตั้งมาพร้อมกับ Windows Vista ด้วย




3. กู้ไฟล์ที่ลบไป กลับคืนมา
หากเราเผลอลบไฟล์ข้อมูลไป โดยกดปุ่ม <Delete> ธรรมดา วิธีนี้เราสามารถกู้ไฟล์กลับมาได้ใหม่ เพราะแท้ที่จริงแล้วการลบไฟล์/โฟลเดอร์เป็นการย้าย
ไฟล์ไปพักไว้ที่โฟลเดอร์ Recycle Bin เท่านั้นเพราะฉะนั้นเราสามารถกู้ไฟล์/โฟลเดอร์ที่ลบได้ง่ายมาก โดยให้เมาส์เปิดดู Recycle Bin และนำไฟล์ที่เก็บในนั้นไป
คืนไว้ที่เดิม ดังนี้



4. EasyRecovery กู้ไฟล์ที่ถูกลบแบบถาวร
ปกติข้อมูลที่ลบจะถูกเก็บใน Recycle Bin ไปเรื่อย ๆ จนเต็ม และเมื่อเต็มแล้ว ข้อมูลที่ลบครั้งต่อไปจะถูกนไมาเขียนทับข้อมูลที่เก่าที่สุดใน Recycle Bin
ดังนั้น เวลาเราสั่งลบข้อมูลไปนาน ๆ จะพบว่าข้อมูลนั้นหายไปจาก Recycle Bin แล้ว เพราะถูกเขียนทับด้วยข้อมูลที่ถูกลบล่าสุด
สำหรับวิธีการกู้ข้อมูลที่ลบไปแล้ว แต่ไม่อยู่ใน Recycle Bin หรือการกู้ข้อมูลที่ถูกลบแบบถาวรนั้น (ลบด้วยการกดปุ่ม <Shift> พร้อมกับ <Delete> ต้องใช้
โปรแกรมบางตัวเข้ามาช่วยในการกู้ข้อมูลกลับคืนมา ในที่นี้ขอแนะนำโปรแกรมกู้ข้อมูลที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน คือ EasyRecovery
EasyRecovery เป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้ง่ายสมชื่อ สามารถกู้ข้อมูลที่สูญหายหรือเสียไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ที่ถูกลบไปแบบถาวร
ไวรัสคอมพิวเตอร์ทำลายข้อมูลไป หรือเกิดจากการฟอร์แมตพาร์ทิชั่นนั้นไปแล้วก็ตาม ก็ยังสามารถกู้ไฟล์ข้อมูลกลับคืนมาได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว



การทำงานของโปรแกรม EasyRecovery ก็คือจะทำการตรวจสอบพาร์ทิชั่นที่เลือก และแสดงไฟล์ทั้งหมดที่เคยอยู่บนพาร์ทิชั่น ทั้งที่เคยถูกลบไปแล้ว
ด้วย จากนั้นให้เราทำการเลือกไฟล์ที่ต้องการกู้กลับคืน หลังจากนั้นโปรแกรมจะทำการกู้ข้อมูลคืนกลับมาตามต้องการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมแล้วสามารถเข้าใช้
งานโปรแกรม และดำเนินการกู้ข้อมูลตามขั้นตอนต่อไปนี้



เลือกไดรว์ข้อมูลทีจะกู้ข้อมูล
เปิด EasyRecovery ขึ้นมา และระบุไดรว์ที่ต้องการให้ค้นหาไฟล์ที่ถูกลบ โดยโปรแกรมจะตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด และแสดงไฟล์ข้อมูลที่เคยมีอยู่ขึ้นมา




เลือกไฟล์ที่จะกู้
เมื่อโปรแกรมสแกนหาไฟล์ที่ถูกลบแล้ว จะแสดงไฟล์ทั้งหมดให้เห็นให้
เราเลือกไฟล์ที่จะกู้ ซึ่งต้องเข้าไปยังโฟลเดอร์ของไฟล์ที่ถูกลบไป


ระบุตำแหน่งสำหรับเก็บไฟล์ที่จะกู้
จากนั้นให้ระบุตำแหน่งสำหรับเก็บไฟล์ หลังจากที่โปรแกรมกู้กลับมาเรียบร้อยแลว ดังนี้



เริ่มต้นกู้ไฟล์ทีเลือก
หลังกำหนดค่าต่าง ๆ และเลือกไฟล์ที่ต้องการแล้ว ให้เราเริ่มต้นสั่งโปรแกรมกู้ไฟล์ ดังนี้



เมื่อเข้าไปดูไดเร็กทอรีที่กำหนดไว้ สำหรับเก็บไฟล์หลังกู้เสร็จแล้ว ก็จะพบกับไฟล์ที่เรากู้กลับมาตามต้องการ

ยูทิลิตี้สำหรับการจัดการระบบ


โปรแกรมสำหรับการจัดเก็บระบบข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ ถือเป็นยูทิลิตี้อีกชุดหนึ่งที่มีความสำคัญ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การแบ่งพาร์ทิชั่นหรือไดรว์
ให้กับฮาร์ดดิสก์ เพื่อให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ รวมทั้งการสำรองข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย
สำหรับยูทิลิตี้ที่จะขอกล่าวในกลุ่มนี้ มีดังนี้

1) โปรแกรม PowerQuest PartitionMagic
โปรแกรมสำหรับจัดการพาร์ทิชั่นบนฮาร์ดดิสก์ โดยมีรูปแบบการใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถทำงานได้บนระบบ Windows โดยไม่ต้องออกไปที่
ระบบ DOS เหมือนอย่างโปรแกรมรุ่นเก่าอย่าง FDISK ครอบคลุมการทำงานตั้งแต่การสร้างพาร์ทิชั่นใหม่ การปรับขนาดของพาร์ทิชั่น การรวมพาร์ทิชั่นเข้าด้วย
กัน และการลบพาร์ทิชั่นออกจากฮาร์ดดิสก์



2) โปรแกรม Norton Ghost
โปรแกรมสำหรับสำรองข้อมูลบนเครื่อง โดยสามารถสำรองข้อมูลทั้งพาร์ทิชั่น หรือทั้งฮาร์ดดิสก์เลยก็ได้ โดยเป็นการบีบอัดข้อมูลทั้งหมดไว้เป็นไฟล์
เดียว ซึ่งเราสามารถนำไปเก็บไว้บนแผ่นซีดี หรือบนฮาร์ดดิสก์ในพาร์ทิชั่นอื่นก็ได้ และสามารถเรียกคืนข้อมูลกลับมาภายหลังได้



1. PartitionMagic โปรแกรมจัดการพาร์ทิชั่นฮาร์ดดิสก์
PartitionMagic เป็นโปรแกรมยูทิลิตี้สำหรับจัดการกับพาร์ทิชั่นบนฮาร์ดดิสก์ที่ได้รับความนิยมเพราะใช้งานได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นการสร้างพาร์ทิชั่นใหม่ การ
รวมพาร์ทิชั่น หรือการปรับขนาดพาร์ทิชั่นที่สำคัญคือสามารถทำงานได้บน Windows อย่างกลมกลืน โดยไม่จำเป็นต้องออกไปทำที่ดอสโหมดเหมือนกับโปร
แกรมจัดการกับพาร์ทิชั่นอย่าง FDISK

1.1 ความสามารถของ PartitionMagic
โปรแกรม PartitionMagic นั้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการจัดการกับพาร์ทิชั่นในรูปแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยสรุปความสามารถ
ของ PartitionMagic ได้ดังนี้

สร้างพาร์ทิชั่นใหม่ (Create new partition) : จากฮาร์ดดิสก์ที่มีเพียงพาร์ทิชั่นเดียวคือไดรว์ C: เราสามารถสร้างพาร์ทิชั่นขึ้นใหม่เป็นไดรว์ D: ไดรว์ E:
ตามลำดับ โดยสามารถเลือกขนาดของแต่ละพาร์ทิชั่นได้

ลด-เพิ่มขนาดพาร์ทิชั่น (Resize partitions) : เราสามารถเปลี่ยนขนาดของพาร์ทิชั่น คืออาจลดขนาดของบางพาร์ทิชั่นลง และไปเพิ่มขนาดของพาร์ทิ
ชั่นอื่นได้

กระจายพื้นที่ใช้งานบนพาร์ทิชั่น (Redistribute partitions) : เมื่อใช้งานฮาร์ดดิสก์ไปสักระยะ บางพาร์ทิชั่นอาจถูกใช้งานมากทำให้พื้นที่ว่างเหลือ
น้อย เราสามารถกระจายพื้นที่ว่างให้เท่า ๆ กันในแต่ละพาร์ทิชั่นได้

รวมพาร์ทิชั่น (Merge partitions) : เราสามารถรวมพาร์ทิชั่นเข้าด้วยกันได้ เช่น จาก 3 พาร์ทิชั่นเราต้องการยุบให้เหลือ 2 พาร์ทิชั่น ก็ทำได้โดยรวม 2
พาร์ทิชั่นเข้าด้วยกัน โดยใช้ฟังก์ชั่น Merge partitions

คัดลอกพาร์ทิชั่น (Copy partitions) : เราสามารถคัดลอกทั้งพาร์ทิชั่นบนฮาร์ดดิสก์ไปยังฮาร์ดดิสก์อีกตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยลดเวลาการติดตั้งโปรแกรมลงบน
ฮาร์ดดิสก์ หรือคัดลอกข้อมูลจำนวนมากได้

1.2 ส่วนประกอบของ PartitionMagic
หลังจากติดตั้งโปรแกรม PartitionMagic 8.0 ลงบนเครื่องเรียบร้อยแล้ว เราสามารถเข้าสู่โปรแกรมได้โดยเลือกที่เมนู Start>Programs>Norton
PartitionMagic 8.0>PartitionMagic 8.0 จากหน้าต่างหลักของโปรแกรม PartitionMagic สามารถเบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้



1.3 การสร้างพาร์ทิชั่นขึ้นใหม่
คอมพิวเตอร์ที่เราซื้อมาส่วนใหญ่จะไม่ได้แบ่งฮาร์ดดิสก์ออกเป็นหลายพาร์ทิชั่น คือฮาร์ดดิสก์จะมีเพียงไดรว์เดียว ทำให้โปรแกรมและข้อมูลของเรานั้นอยู่
รวมกัน ซึ่งมีข้อเสียคือ เมื่อเครื่องมีปัญหาจนต้องติดตั้ง Windows ใหม่ เราไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับแบ็คอัพข้อมูลบนเครื่อง เนื่องจากมีไดรว์เดียว นอกจากนั้นยังไม่มี
ความปลอดภัยหากพาร์ทิชั่นเกิดความเสียหายอัีนเนื่องมาจากไวรัส ฯลฯ เราก็จะสูญเสียข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดได้ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ควรจะแบ่งพาร์ทิชั่นบนฮาร์ดดิสก์
เพือจัดข้อมูลในเครื่องให้เป็นระบบมากขึ้น
ดังตัวอย่างต่อไปนี้เราจะสร้างพาร์ทิชั่นใหม่บนฮาร์ดดิสก์ ซึ่งจากเดิมมีพาร์ทิชั่นเดียว คือ C: เราจะสร้างพาร์ทิชั่นใหม่อีก 1 พาร์ทิชั่น โดยอักษรที่ใช้เป็นชื่อ
เรียกไดรว์นั้น โปรแกรมจะกำหนดให้โดยอัตโนมัติ

ก่อนเพิ่มพาร์ทิชั่น


หลังเพิ่มพาร์ทิชั่น


ประเภทของพาร์ทิชั่นมี 2 ประเภท คือ พาร์ทิชั่นสำหรับเก็บข้อมูลทั่วไป (Logical Partition) และพาร์ทิชั่นสำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการ (Primary Partition) ในที่นี้เป็นการเลือกสร้างพาร์ทิชั่นสำหรับเก็บข้อมูล
การสร้างพาร์ทิชั่นในรูปแบบนี้ มีคำสั่งที่หน้าต่าง Task Pane เท่านั้น คือ Create new partition หรือเลือกเมนู Tasks>Create new parttion และดำ
เนินตามขั้นตอนต่อไปนี้




จากหน้าต่างหลักของโปรแกรมให้เราคลิกที่ Create a new partition เพื่อเลือกสร้างพาร์ทิชั่นใหม่
โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างช่วย Create New Partition ให้เราคลิกปุ่ม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนนี้ให้เราเลือกฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการสร้างพาร์ทิชั่นใหม่ (กรณีมีฮาร์ดดิสก์มากกว่า 1 ตัว) และคลิกปุ่ม
กำหนดค่าตำแหน่งให้กับพาร์ทิชั่นที่สร้างใหม่ เช่น อยู่ก่อน/หลังพาร์ทิชั่นที่มีอยู่เดิม และคลิกปุ่ม
กำหนดรายละเอียดของพาร์ทิชั่นที่สร้างใหม่ ดังนี้
Size : กำหนดพื้นที่ของพาร์ทิชั่น
Label : ตั้งชื่อให้กับพาร์ทิชั่น (ไม่ใช่อักษรที่ใช้เรียกพาร์ทิชั่นหรือไดรว์)
Create as : เลือกประเภทพาร์ทิชั่น
File system type : เลือกระบบไฟล์
จากนั้นคลิกปุ่ม
คลิกปุ่ม รูป เพื่อจบขั้นตอนการสร้างพาร์ทิชั่นใหม่
หลังจากกำหนดคำสั่งเสร็จแล้ว ที่หน้าต่างโปรแกรมจะแสดงรายละเอียดของพาร์ทิชั่นใหม่ที่สร้างขึ้น ให้เราคลิกปุ่ม เพื่อให้เริ่มต้นดำเนิน
การสร้างพาร์ทิชั่นจริงบนฮาร์ดดิสก์





1.4 การปรับขนาดพาร์ทิชั่น
เมื่อเราใช้งานคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยๆ ข้อมูลบนบางพาร์ทิชั่นอาจเพิ่มมากจนทำให้พื้นที่ว่างเหลือน้อย เมื่อเทียบกับอีกพาร์ทิชั่นหนึ่งซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง
มากนัก ในกรณีนี้เราสามารถลดขนาดของบางพาร์ทิชั่นลง และนำพื้นที่ไปให้กับอีกพาร์ทิชั่นหนึ่งที่เหลือน้อยได้
ใน PartitionMagic มีคำสั่ง Resize สำหรับช่วยให้เราสามารถลดขนาดของพาร์ทิชั่นได้ตามต้องการ รวมถึงการเคลื่อนย้ายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ บนฮาร์ด
ดิสก์อีกด้วย ในตัวอย่างนี้ เราจะทำการเพิ่มขนาดของพาร์ทิชั่น C: โดยนำพื้นที่ส่วนหนึ่งจากพาร์ทิชั่น D: มา ดังรูป



ในหน้าต่าง Task Pane เราสามารถเลือกปรับขนาดพาร์ทิชั่นที่ต้องการได้ โดยคลิกเมาส์ที่คำสั่ง Resize a partition ซึ่งจะมีหน้าต่างช่วยในการกำหนด
รายละเอียดต่าง ๆ ให้จนจบขั้นตอน




จากหน้าต่างหลักของโปรแกรม ให้เราคลิกที่ Resize a partition เพื่อเลือกปรับขนาดพาร์ทิชั่น
โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างช่วย Resize Partitions ให้เราคลิกปุ่ม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
เลือกฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการปรับขนาดพาร์ทิชั่น (กรณีเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์มากกว่า 1 ตัว) และคลิกปุ่ม
คลิกเลือกพาร์ทิชั่นที่ต้องการปรับขนาด และคลิกปุ่ม
ระบุขนาดของพาร์ทิชั่นใหม่ที่ต้องการที่ช่อง New size for partition : และคลิกที่ปุ่ม
เมื่อเราเลือกเพิ่มขนาดพาร์ทิชั่น เราต้องดึงพื้นที่จากพาร์ทิชั่นอื่นมาใช้ ในขั้นตอนนี้ให้เราเลือกพาร์ทิชั่นที่ต้องการดึงพื้นที่มา และคลิกปุ่ม
คลิกปุ่ม เพื่อจบขั้นตอนการลดขนาด และเคลื่อนย้ายพื้นที่บนพาร์ทิชั่น
หลังจากกำหนดคำสั่งเสร็จแล้ว ที่หน้าต่างโปรแกรมจะแสดงรายละเอียดของพาร์ทิชั่นที่ถูกปรับขนาด

ให้เราคลิกปุ่ม เพื่อให้เริ่มต้นดำเนินการปรับขนาดพาร์ทิชั่นจริงบนฮาร์ดดิสก์



1.5 การรวมพาร์ทิชั่น
หากเราต้องการพาร์ทิชั่น (Merge partition) เพื่อลดจำนวนพาร์ทิชั่นบนฮาร์ดดิสก์ลงก็สามารถทำไ้ด้โดยมีพาร์ทิชั่นหนึ่งเป็นพาร์ทิชั่นหลัก และข้อมูลทั้ง
หมดของพาร์ทิชั่นที่ถูกนำมารวมจะถูกเก็บไว้ในโฟลเดอร์บนพาร์ทิชั่นหลักไว้ ในตัวอย่างนี้ เราจะทำการนำพาร์ทิชั่น D: เข้าไปรวมกับพาร์ทิชั่น I: ดังรูป



ในหน้าต่าง Task Pane เราสามารถใช้คำสั่ง Merge partitions เพื่อรวมพาร์ทิชั่นเข้าด้วยกันโดยจะมีหน้าต่างช่วยในการกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ให้เรา
จนจบขั้นตอน




จากหน้าต่างหลักของโปรแแกรม ให้เราคลิกเมาส์ที่คำสั่ง Merge partitions เพื่อเลือกรวมพาร์ทิชั่น
โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างช่วย Merge Partitions ให้เราคลิกปุ่ม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
เลือกฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการรวมพาร์ทิชั่น และคลิกปุ่ม
เลือกพาร์ทิชั่นแรกเพื่อให้เป็นพาร์ทิชั่นหลัก และคลิกปุ่ม
เลือกพาร์ทิชั่นที่ต้องการนำมารวมเข้ากับพาร์ทิชั่นหลักทีเ่ลือกไว้ และคลิกปุ่ม
กำหนดชื่อโฟลเดอร์ใหม่ที่ช่องFolder nameซึ่งจะถูกสร้างขึ้นในพาร์ทิชั่นหลักสำหรับนำข้อมูลในอีกพาร์ทิชั่นหนึ่งมาเก็บไว้และคลิกปุ่ม
โปรแกรมจะแสดงข้อความเตือนว่าอักษรที่ใช้เรียกชื่อไดรว์จะมีการเปลี่ยนแปลง ให้คลิกปุ่ม เพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป
คลิกปุ่ม เพื่อจบขั้นตอนการลดขนาด และเคลื่อนย้ายพื้นที่บนพาร์ทิชั่น
หลังจากเลือกคำสั่งแล้ว ที่หน้าต่างโปรแกรมจะแสดงรายละเอียดของพาร์ทิชั่นที่ถูกรวมกัน ให้เราคลิกปุ่ม เพื่อให้เริ่มต้นดำเนินการรวม
พาร์ทิชั่นจริงบนฮาร์ดดิสก์

1.6 การลบพาร์ทิชั่น
กรณีที่มีการสร้างพาร์ทิชั่นขึ้นใหม่ และเรากำหนดรายละเอียดของพาร์ทิชั่นผิดพลาดไปจากที่ต้องการ เช่น กำหนดระบบการจัดเก็บไฟล์ที่ใช้ผิดไป เรา
สามารถสร้างพาร์ทิชั่นเหล่านี้ขึ้นใหม่ได้โดยทำการลยพาร์ทิชั่นนี้ก่อนด้วยการใช้คำสั่ง Delete ซึ่งพาร์ทิชั่นนั้นจะกลับไปเป็นพาร์ทิชั่นที่ยังไม่มีการกำหนดรูปแบบ
แล้วจึงสร้างพาร์ทิชั่นขึ้นใหม่ต่อไป โดยมีตัวเลือกรูปแบบการลบพาร์ทิชั่น

Earase : ลบพาร์ทิชั่นแบบปกติ โดยที่การลบแบบนี้ เรายังสามารถย้อนพาร์ทิชั่นกลับ หรือยกเลิกการลบพาร์ทิชั่นได้ โดยการเลือกใช้คำสั่ง Undelete
Partition
Delete and Secure Erase : ลบพาร์ทิชั่นแบบถาวร ซึ่งจะไม่สามารถย้อนกลับหรือยกเลิกการลบได้ หลังจากที่ลบพาร์ทิชั่นไปแล้ว)



2. Norton Ghost โปรแกรมแบ็คอัพพาร์ทิชั่น
Norton Ghost เป็นโปรแกรมสำหรับสำรองข้อมูลที่ทำได้ง่าย และใช้เวลาไม่นาน โดยสามารถเลือกสำรองทั้งฮาร์ดดิสก์ หรือเฉพาะไดรว์ก็ได้ การแบ็คอัพ
ไดรว์บนฮาร์ดดิสก์ในที่นี้ เป็นการเก็บข้อมูลทั้งหมดในไดรว์ ซึ่งก็คือ ระบบ Windows, โปรแกรมที่ติดตั้งและข้อมูลทั้งหมด โดยใช้โปรแกรมสำหรับด้านนี้โดย
เฉพาะอย่าง Norton Ghost โดยโปรแกรมจะบีบอัดข้อมูลทั้งหมดในไดรว์ไปเก็บไว้เป็นไฟล์ๆ เดียว นามสกุลของไฟล์ที่ได้จากการแบ็คอัพด้วยโปรแกรม Norton
Ghost จะมีนามสกุล .V2I หรือ .GHO



จากนั้นเราสามารถนำไฟล์แบ็คอัพที่ได้ ไปเก็บไว้บนอุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่น ๆ เช่น เขียนลงแผ่นซีดี เพื่อนำมาใช้ภายหลัง กรณีที่ข้อมูลในไดรว์เสียหาย หรือ
หายไป และต้องการข้อมูลเก่าคืนมา ข้อดีของการแบ็คอัพทั้งไดรว์ก็คือ หากเกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้น เราก็ยังสามารถมีข้อมูลนำกลับมาได้ใหม่ในเวลาอัน
รวดเร็ว และเป็นการแบ็คอัพทั้ง Windows, ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ โปรแกรมที่ติดตั้ง และข้อมูลทั้งหมด ทำให้การนำมาลงเครื่องใหม่ไม่เสียเวลา

2.1 สำรองพาร์ทิชั่นข้อมูล
เราจะใช้ Norton Ghost ทำการสำรองหรือแบ็คอัพไดรว์ข้อมูล และเก็บไว้ในรูปของไฟล์ Norton Ghost ซึ่งภายหลังสามารถใช้ในการสำรองคืนบนไดรว์
หรือเลือกเฉพาะไฟล์/โฟลเดอร์ที่ต้องการได้ โดยก่อนแบ็คอัพข้อมูล ขอให้สำรวจพื้นที่บนเครื่องว่าเหลือมากพอ สำรหับใช้แบ็คอัพทั้งไดรว์นั้นหรือเปล่าโดยพื้นที่
ว่างที่ใช้แบ็คอัพ น่าจะมีขนาดเท่า ๆ กับข้อมูลในไดรว์ที่จะแบ็คอัพ
ให้เราเปิดโปรแกรม Norton Ghost ขึ้นมา และเลือกไดรว์ที่ต้องการแบ็คอัพข้อมูลทั้งหมดไว้ในตัวอย่างนี้เราจะแบ็คอัพทั้งไดรว์ F: โดยเก็บไฟล์ที่ได้ไว้บน
ไดรว์ C: (โฟลเดอร์ BACKUP)



จากหน้าต่าง Run or Manage Backups เมื่อเราเลือกการแบ็คอัพข้อมูลใหม่ จะปรากฏหน้าต่าง Define Backup Wizard ช่วยให้เราเลือกข้อมูลที่ต้อง
การสำรอง รูปแบบการบีบอัดข้อมูล และตำแหน่งเก็บไฟล์สำรองที่ได้จนจบขั้นตอน ในตัวอย่างนี้เราเลือกสำรองข้อมูลทั้งหมดบนไดรว์ F: ดังนี้



จากนั้นให้เราเลือกโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ที่มาจากการสำรองไดรว์ ซึ่งต้องเป็นไดรว์ที่มีพื้นที่เหลือพอสำหรับเก็บข้อมูลไดรว์ที่จะแบ็คอัพ และต้องเป็น
ตำแหน่งที่อยู่คนละไดรว์ที่เราเลือกแบ็คอัพ ดังตัวอย่างเราเลือกเก็บไฟล์ที่สำรองไว้ที่โฟลเดอร์ BACKUP ในไดรว์ C:



หลังกำหนดค่าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการกำหนดรูปแบบการบีบอัดข้อมุลด้วย เพื่อจะได้ขนาดไฟล์แบ็คอัพที่เล็กลงกว่าขนาดข้อมูลจริง
และอาจสามารถนำไปเก็บลงบนแผ่นซีดี หรือดีวีดีได้ต่อไป เราสามารถเลือกได้ ดังนี้

None : ไม่บีบอัดข้อมูล ซึ่งต้องมีพื้นที่เก็บเท่ากับข้อมูลบนไดรว์
Standard : บีบอัดข้อมูลแบบปกติ (ค่าที่โปรแกรมกำหนดให้)
Medium : บีบอัดข้อมูลปานกลาง ไฟล์ที่ได้จะขนาดเล็กกว่าแบบ Standard
High : บีบอัดข้อมูลสูงสุด สำหรับเครืองทีเหลือพื้นที่น้อย



หลังกำหนดค่าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว งานแบ็คอัพข้อมูลที่เรากำหนดไว้จะมาปรากฏที่หน้าต่าง Run or Manage Backups ซึ่งเราสามารถเลือกแบ็คอัพข้อ
มูลอื่น ๆ เพิ่มได้อีกตามต้องการ
จากนั้เราสามารถสั่งให้เริ่มต้นแบ็คอัพข้อมูล โดยเลือกงานแบ็คอัพที่กำหนดไว้จากหน้าต่าง Run or Manage Backups (กรณีกำหนดไว้หลายงาน) และ
คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Run Now



ไฟล์ที่สำรองไดรว์ข้อมูลไว้จะมีนามสกุล .V2i ให้เราลองเข้าไปดูโฟลเดอร์ที่กำหนดไว้เก็บไฟล์แบ็คอัพก็จะพบไฟล์นี้ เราอาจนำไฟล์นี้บันทึกลงแผ่นซีดีเพื่อ
แยกเก็บได้ จะได้ไม่เปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์

2.2 คืนพาร์ทิชั่นข้อมูลที่สำรองไว้
เราอาจคืนข้อมูลมาเมือฟอร์แมตพาร์ทิชั่นนั้นใหม่ หรือมีการเตรียมพาร์ทิชั่นใหม่สำรหับเก็บข้อมูลเดิม โดยในการคืนข้อมูลจะต้องเตรียมไดรว์ปลายทางที่

ไม่ใช่ไดรว์ที่เราลง Windows และกำลังใช้งานอยู่
ไม่มีข้อมูลอยู่ในไดรว์ โดยเคลียร์ข้อมูล หรือใช้คำสั่งฟอร์แมต เพราะถ้ามีข้อมูลอยู่ในไดรว์จะถูกลบทั้งหมด
มีพื้นที่เพียงพอสำหรับคืนข้อมูลกลับ
ดังตัวอย่างเราจะนำไฟล์แบ็คอัพที่สร้างไว้จากขั้นตอนทีแ่ล้ว (ชื่อ AMRIN-PC_F_Drive001.V2i) มาคืนข้อมูลลงบนไดรว์ E: ที่เตรียมไว้ ให้เราเริ่มต้นคืน
ข้อมูลโดยเปิดหน้าต่าง Norton Ghost และทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้



จากนั้นจะเข้าสู่หน้าต่าง Recover Drive Wizard สำหรับคืนข้อมูลจากไฟล์ที่แบ็คอัพไว้ ให้เราเข้าไปเลือกไฟล์แบ็คอัพที่เราสำรองไว้ก่อนดังตัวอย่างเราจะ
ใช้ไฟล์ AMRIN-PC_F_Drive001.V2i ที่อยู่ในโฟลเดอร์ C:\BACKUP ที่เราได้แบ็คอัพไว้ในหัวข้อที่แล้ว




ขอย้ำว่าไดรว์ปลายทางทีเ่ลือกต้องเป็นไดรว์ที่ไม่มีข้อมูลใด ๆ (หรือสั่ง
ฟอร์แมตไดรว์นั้นแล้ว) เพราะถ้ามีข้อมูลอยู่ ก็จะถูกล้างและถูกทับด้วยข้อมูลใหม่
ในที่นี้เราเลือกไดรว์ที่จะใช้ดังนี้




โปรแกรม Norton Ghost จะใช้เวลาสักครู่ ในการคืนข้อมูลลงไดรว์ทีเ่ราเลือก จากนั้เราก็จะได้ไดรว์ข้อมูลใหม่ที่มีข้อมูลกลับมาตามต้องการ