ซึ่งการประมวลในที่นี้จะประกอบด้วยการทำงานของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในคอมพิวเตอร์หลาย ๆ ตัว โดยจะขอกล่าวถึงอุปกรณ์หลัก ๆ ดังต่อไปนี้
1) เมนบอร์ด (Mainboard) : เป็นแผงวงจรหลักของคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์บัญชาการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยอุปกรณ์ต่าง ๆ จะถูก
นำเข้ามาเชื่อมต่อเข้ากับแผงวงจรเมนบอร์ดนี้เพื่อทำงานร่วมกัน
2) ซีพียู (CPU) : ซีพียู หรือหน่วยประมวลผลกลาง ทำหน้าที่หลักในการประมวลผลข้อมูลและควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบซีพียูจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
ต้องพิจารณาเป็นลำดับแรก ๆ ในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์
3) แรม (RAM) : แรม หรือหน่วยความจำหลัก ทำหน้าที่พักข้อมูลระหว่างที่ซีพียูกำลังประมวลผลข้อมูล การเก็บข้อมูลของแรมจะเป็นการเก็บข้อมูลแบบ
ชั่วคราว คือจะหายไปเมื่อมีการปิดใช้งานเครื่อง
1. เมนบอร์ด
เมนบอร์ด (Mainboard) หรือ แผงวงจรหลัก มีลักษณะเป็นแผงวงจรขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นซีพียู,
หน่วยความจำ (RAM), การ์ดติดตั้ง รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อต่าง ๆ ในหัวข้อนี้ เราจะมาทำความรู้จักส่วนประกอบต่าง ๆ ที่สำคัญบนเมนบอร์ด เพื่อใช้เป็นพื้นฐานใน
การเลือกอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับกับเมนบอร์ดอย่างถูกต้อง
1.1 รูปทรงของเมนบอร์ด
Form Factor หรือรูปแบบของเมนบอร์ด เป็นมาตรฐานการออกแบบรูปทรงของเมนบอร์ด โดยจะมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ แบบ ATX, Micro ATX และ BTX
(รวมทั้ง Micro BTX และ Pico BTX ที่ลดขนาดของเมนบอร์ด BTX ลงด้วย) ซึ่งจะมีขนาดและตำแหน่งของขั้วต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ บนเมนบอร์ดแตกต่างกันไป



1.1.1 เมนบอร์ดแบบ BTX
เป็นมาตรฐานของเมนบอร์ดจากค่ายอินเทล เปิดตัวเมื่อต้นปี 2005 สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกหลายตัว หรือติดตั้งการ์ด
ต่าง ๆ จำนวนมาก โดยขนาดของเมนบอร์ด BTX (Balanced Technology Extended) จะใหญ่กว่าเมนบอร์ดบอร์ด Form Factor อื่น ๆ โดยจะมีสล็อตสำหรับ
ติดตั้งการ์ดต่าง ๆ มากกว่า โดยเฉพาะสล็อต PCI เดิมที่คงไว้ให้ถึง 4 สล็อต (ขณะที่เมนบอร์ด ATX มักมีให้ 2 สล็อต) และ PCI Express x16 อยู่ 2 สล็อต
1.1.2 เมนบอร์ดแบบ Micro ATX
ในปัจจุบันมีการผลิตเมนบอร์ดแบบ ATX ให้มีขนาดเล็กลง เรียกว่า Micro ATX โดยลดสล็อตเชื่อมต่อบางตัวลง ทำให้สามารถลดพื้นที่ลงได้อีก รวมทั้ง
เมนบอร์ดบางรุ่นยังมีการติดตั้งชิปทำงานด้านการแสดงผล (VGA On-Board) และชิปเสียง (Sound On-Board) เพื่อไม่ต้องติดตั้งการ์ดแสดงผล หรือการ์ดเสียง
เพิ่มเติมภายหลัง ซึ่งถือเป็นการลดพื้นที่ของเมนบอร์ดลงได้ด้วย เหมาะสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันที่ลดขนาดของตัวเครื่องให้เล็กลง
1.1.3 เมนบอร์ดแบบ ATX
ก่อนหน้า Micro ATX เมนบอร์ดทีเคยเป็นมาตรฐานบนคอมพิวเตอร์มายาวนานก็คือ ATX ซึงอินเทลได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาและข้อบกพร่องต่างๆ ที่
มีอยู่ในเมนบอร์ดรุ่นเก่า (เมนบอร์ดแบบ AT) ดังต่อไปนี้
เมนบอร์ดแบบ ATX จะจัดวางตำแหน่งของแรมอยู่ใกล้ซีพียูทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
การเปลี่ยนแรมและการ์ดทำได้ง่าย สามารถใส่การ์ดที่มีความยาวได้ เนื่องจากตำแหน่งสล็อตของการ์ดถูกวางไกลจากตำแหน่งสล็อตของแรม
พอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งบนเมนบอร์ดซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าใช้สายสัญญาณต่อพ่วง
ระบายความร้อนได้ดี เนื่องจากการจัดวางตำแหน่งของซีพียูอยู่ใกล้กับพัดลมของ Power Supply โดยอุปกรณ์ที่ระบายความร้อนได้ดีก็จะช่วยยืดอายุ
การใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ และมีระบบการจัดการพลังงานทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง
ในส่วนของคอนเน็กเตอร์สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายนอกนั้นถูกวางซ้อนเรียงกันเป็นแนวอย่างมีระเบียบและแข็งแรง
เมนบอร์ดแบบ ATX ถูกพัฒนาและออกแบบมาให้สนับสนุนกับการทำงานของซีพียูรุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูงขึ้น และได้มีการกำหนดสีของคอนเน็กเตอร์ต่าง ๆ
ให้ตรงกับสีขั้วต่ออุปกรณ์ เพื่ออำนวนความสะดวกให้การติดตั้งให้มีความง่ายและป้องกันความผิดพลาดในการเสียบสายผิดด้วย
1.2 ส่วนประกอบที่สำคัญของเมนบอร์ด
เมนบอร์ดจะมีลักษณะดังรูป คือ มีช่องที่ใช้เสียบอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีเ่รียกกว่า สล็อต (Slot) สำหรับการ์ดต่าง ๆ และส่วนของการเชื่อมต่อต่าง ๆ เรียกว่า
Connector หรือพอร์ตเชื่อมต่อ

ดังนั้น เราควรเลือกสเป็คเมนบอร์ดที่ประสานให้ซีพียูสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และรองรับอุปกรณ์ที่สนับสนุนกับเทคโน
โลยีใหม่ ๆ ในอนาคตได้ด้วย โดยส่วนประกอบต่าง ๆ ที่สำคัญของเมนบอร์ด ซึ่งจะกล่าวถึงในบทนี้มีดังนี้
1.2.1 ชิปเซ็ต (Chipset)
ชิปเซ็ตเป็นหัวใจหลักของเมนบอร์ด ถูกติดตั้งมากับเมนบอร์ด ชิปเซ็ตจะเป็นตัวบอกให้ทราบว่าเมนบอรืดรุ่นนั้นสามารถรองรับกับซีพียู และอุปกรณ์อะไรได้
บ้าง อีกทั้งยังเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของเครื่องพีซีอีกด้วย เช่น ความเร็วบัส การแสดงผลของการ์ดจอ เป็นต้น
ชิปเซ็ต North Bridge : ชิปเซ็ต North Bridge เป็นส่วนทีทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ที่ทำงานด้วย ความเร็วสูง ซึ่งตำแหน่งของอุปรกรณ์เหล่านี้จะ
อยู่รอบ ๆ ชิปเซ็ตตัวนี้นั่นเองได้แก่ ซีพียู, หน่วยความจำ และสล็อต PCI EXpress (หรือสล็อต AGP) สำหรับติดตั้งการ์ด
แสดงผล
ชิปเซ็ต South Bridge : ชิปเซ้ต South Bridge เป็นชิปที่มีขนาดเล็กกว่าชิปเซ็ต North Bridge อยู่ด้านล่างของเมนบอร์ด ทำหน้าที่ควบคุม
อุปกรณ์ที่มีความเร็วในการทำงานต่ำกว่า เช่น ฮาร์ดดิสก์, ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์, คีย์บอร์ด, เมาส์, ชิปไบออส และช่องเชื่อม
ต่อต่าง ๆ (Connector Port) รวมทั้งสล็อตติดตั้งการ์ดต่าง ๆ ด้วย
ผู้ผลิตชิปเซ็ตรายสำคัญในปัจจุบันก็ ได้แก่ Intel ซึ่งผู้ผลิตชิปเซ็ตสำรหับเมนบอร์ดที่ทำงานร่วมกับซีพียูจากค่าย Intel เช่น Pentium 4, Intel Core 2
Duo เป็นต้นชิปเซ็ตของค่าย AMD เองที่ผลิตเพื่อใช้ร่วมกับซีพียู AMD นอกจากนั้นยังมีชิปเซ็ตจากค่าย nVIDIA (ที่มักรวมการทำงานที่รองรับการแสดงผลขึ้นสูง
ไว้ด้วย) ชิปเซ็ตจาค่าย VIA และ SIS ที่ผลิตขึ้นสำหรับทั้งเมนบอร์ดทีทำงานกับซีพียูของ Intel และ AMD ซึ่งมีประสิทธิภาพ และราคาที่แตกต่างกันไป
1.2.2 ซ็อกเก็ตสำหรับติดตั้งซีพียู
สิ่งสำคัญเมื่อเลือกซื้อเมนบอร์ดก็คือ ต้องเลือกซ็อกเก็ต (Socket) ติดตั้งซีพียูให้ตรงกับซีพียูที่เราเลือกไว้เพราะซีพียูแต่ละรุ่นจะมีอินเทอร์เฟสซ็อกเก็ตต่าง ๆ
กัน และเมนบอร์ดแต่ละตัวก็จะมีซ็อกเก็ตเพียงชนิดเดียว เท่านั้น ซ็อกเก็ตนั้นจะเป้นช่องติดตั้งรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งซีพียูในปัจจุบันจะใช้อินเทอร์เฟสแบบนี้เป็นส่วนใหญ่
สำหรับซ็อกเก็ตแต่ละแบบ จะสนับสนุนการติดตั้งซีพียูจากแต่ละค่าย แต่ละรุ่นแตกต่างกันไป เช่น ซีพียู บนเครื่องเดสก์ท็อปจากค่ายอินเทลส่วนใหญ่จะติด
ตั้งกับ Socket LGA775 ส่วนซีพียูของค่าย AMD รุ่นใหม่ ๆ จะใช้กับ Socket 939 หรือซ็อกเก็ตรุ่นใหม่อย่าง Socket AM2 เป็นต้น รายละเอียดของซ็อกเก็ตแต่ละ
แบบในการสนับสนุนซีพียูรุ่นต่าง ๆ แสดงดังตารางต่อไปนี้
1.2.3 สล็อตสำหรับติดตั้งแรม
ในการซื้อเครื่องพีซีนั้น โดยมากเราจะไม่ใช้แรมมากนักหากมีงบประมาณที่จำกัด โดยมักเริ่มที่แรมขนาด 256 MB ก่อนและจึงค่อยทยอยซื้อแรมเพิ่มในภาย
หลังได้ ซึ่งสล็อตสำหรับติดตั้งแรมบนเมนบอร์ดนั้น ส่วนใหญ่จะมีมาให้ทั้งหมด 3 ช่อง สำหรับแรมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน คือ SDRAM (แทบไม่มี
ใช้แล้วบนเมนบอร์ดรุ่นใหม่ในปัจจุบัน), DDR, DDR2 และ RDRAM ซึ่งจะต้องติดตั้งลงบนช่องสล็อตต่าง ๆ กัน คือ บนช่องสล็อตแบบ DIMM, แบบ DDR
DIMM, แบบ DDR2 DIMM และแบบ DDR2 DIMM ตามลำดับ
1.2.4 สล็อตเสียบการ์ดต่าง ๆ
นอกจากซ็อกเก็ตสำหรับติดตั้งชิปซีพียู และสล็อตสำหรับติดตั้งการ์ดแรมแล้ว บนเมนบอร์ดยังมีสล็อตประเภทอื่น ๆ สำหรับติดตั้งการ์ดต่าง ๆ อีก เช่น การ์ด
แสดงผล (VGA Card), การ์ดเสียง (Sound Card) หรือการ์ดแลน (LAN Card) เป็นต้น ซึ่งสล็อตมาตรฐานที่มีอยู่บนเมนบอร์ด และการ์ดที่สามารถติดตั้งบน
สล็อตเหล่านี้ได้ มีดังนี้
สล็อต PCI บริษัทอินเทลได้นำเสนอสล็อต PCI (Peripheral Connection Interface) ที่กลายมาเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน โดยเพิ่มความ
เร็วในการติดต่อระหว่างซีพียูกับอุปกรณ์ต่างๆ ให้สูงขึ้น สามารถยังใช้งานร่วมกับการ์ดที่เป็น 64 บิตได้ ในปัจจุบันมีสล็อตประเภท
นี้อยู่บนเมนบอร์ดอย่างน้อย 3-4 ช่อง สล็อตแบบ PCI นั้น มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลอยู่ที่ 33 MHz หรือ 133 MB/s และการ์ด
เชื่อมต่อที่ใช้อินเทอร์เฟสแบบ PCI นั้นหาได้ง่ายและราคาไม่สูงนัก เช่น การ์ดเครือข่าย (LAN Card), การ์ดโมเด็ม หรือการ์ด
เสียง (Sound Card) เป็นต้น
สล็อต PCI Express มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ PCI เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อที่มีมานาน การ์ดหลาย ๆ ชนิดถูกผลิตขึ้นสำหรับติดตั้งบนสล็อต PCI
เป็นหลัก เนื่องจากสล็อตประเภทนี้จะมีมากับเมนบอร์ดด้วยเสมอ แต่เนื่องจากการพัฒนาทางด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีอย่างต่อ
เนื่อง การรับ/ส่งข้อมูลของอุปกรณ์อื่นๆ ที่สูงขึ้น เช่น ซีพียู, ฮาร์ดดิสก์ หรือการ์ดแสดงผล (ที่ติดตั้งบนสล็อต AGP) ทำให้อุปกรณ์
ที่ติดตั้งบนสล็อต PCI มีการรับ/ส่งข้อมูลที่ช้ากว่าส่วนอื่น ๆ มาตรฐาน PCI Express จึงถูกคิดค้นขึ้น (เรียกสั้น ๆ ว่า PCIx) จาก
เดิมที่การ์ดต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมต่อกับสล็อต PCI จะรับ/ส่งข้อมูลได้ 133MB/s (ความกว้างบัส 32 บิต ใช้ความถี่สัญญาณนาฬิกาที่
33 MHz) ซึ่งในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการรับ/ส่งหรือบริหารข้อมูลจำนวนมาก จะมีการพัฒนาสล็อต PCI ไปใช้ความกว้างบัสที่
64 บิต โดยจะได้ความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูลที่ 528 MB/s แทน
PCI Express ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการรับ/ส่งข้อมูลขนาดใหญ่ และนำมาใช้เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อของการ์ดแสดงผลในปัจจุบัน สล็อต PCI
Express จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ PCI x1 ที่สามารถรับ/ส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วถึง 500 MB/s โดยจะเข้ามาแทนที่สล็อต PCI ปกติ และ PCI x16 สำหรับการ์ด
แสดงผลที่จะเข้ามาแทนที่สล็อต AGP ในปัจจุบัน โดยสามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ความเร็ว 8 GB/s เลยทีเดียว
1.2.5 ช่องต่อ อุปกรณ์ IDE
อุปกรณ์ประเภทที่ใช้การเชื่อมต่อเข้ากับช่อง IDE (Integrated Drive Electronic) นั้นมีอยู่ 2 ชนิด คือ ฮาร์ดดิสก์และไดรว์ซีดี/ดีวีดี โดยขั้วต่อ IDE จะเป็น
แบบ Built-in ที่ถูกติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ดจำนวน 2 ขั้วโดย 1 ขั้วต่อนั้นสามารถติดตั้งอุปกรณ์ IDE ได้ 2 ตัว ซึ่งหมายความว่าเราจะติดตั้งอุปกรณ์ IDE ได้สูงสุด 4
ตัว

มาตรฐาน Ultra ATA/66/100/133
ขณะนี้ฮาร์ดดิสก์ได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้เร็วขึ้น คือ จากโหมดการทำงานแบบ Ultra ATA/33 และ Ultra ATA/66
ได้ถูกปรับปรุงเป็น Ultra ATA/100 และ Ultra ATA/133 ตามลำดับ โดยเพิ่มสายกราวนด์เพื่อลบสัญญาณรบกวนเป็น
สายแบบ 80 เส้น (สำหรับไดรว์ซีดีรอมนั้นจะยังคงใช้การทำงานในโหมด Ultra ATA/133 เท่านั้น)
มาตรฐาน Serial ATA ในปัจจุบันมีรูปแบบการเชื่อมต่อแบบใหม่ที่จะกลายมาเป็นมาตรฐานสำหรับฮาร์ดดิสก์ต่อไป เพื่อพัฒนาความเร็วในการ
รับ/ส่งข้อมูลให้สูงขึ้น คือ Serial ATA โดยหันมาใช้รูปแบบการรับ/ส่งข้อมูลแบบอนุกรม (Serial) แทนแบบขนาน
(Parallel) ที่ใช้อยู่เดิมบนมาตรฐาน IDE ทำให้สามารถรับ/ส่งข้อมูลด้วยความเร็วที่ 150 MB/s สายเชื่อมต่อของ
มาตรฐาน Serial ATA จะมีขนาดเล็กกว่าแบบ IDE มากทีเดียว ต่อเข้ากับช่องเชื่อมต่อ Serial ATA บนเมนบอร์ด ทำให้
1.2.6 ช่องต่อฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์
ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็ก สำหรับช่องต่อฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์บนเมนบอร์ดนั้น จะอยู่ใกล้ ๆ กับช่องต่อ IDE นั่นเอง โดยมี
ขนาดสั้นกว่า (34 ขา) สามารถใช้ต่อกับฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ได้ 2 ตัว ใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อระหว่างไดรว์กับช่องเชื่อมต่อบนเมนบอร์ดเช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์
1.2.7 พอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก
พอร์ตเชื่อมต่อที่อยู่บริเวณด้านข้างของเมนบอร์ดนั้น จะใช้เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ภายนอกต่าง ๆ เพื่อรับ/ส่งข้อมูลเข้ามาภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น
คีย์บอร์ด, เมาส์, จอแสดงผล, ลำโพง หรือเครื่องพิมพ์ ซึ่งพอร์ตเหล่านี้ เมื่อประกอบเครื่องเสร็จแล้ว จะโผล่ออกมาทางด้านหลังของเคสนั่นเอง ตามปกติในเมน-
บอร์ดจะมีพอร์ตต่าง ๆ สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนี้

1.2.8 ชิปไบออส (BIOS)
ไบออส เป็นหน่วยควมจำขนาดเล็กสำหรับเก็บข้อมูลที่ใช้ควบคุมและสนับสนุนให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานตามโปรแกรม ในขณะเปิดเครื่องไบออสจะตรวจ
สอบการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ และหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจะทำการส่งสัญญาณแจ้งให้ทราบ (ทั้งทางข้อความ และเสียงเตือน) หากไม่พอความผิดพลาด
เครื่องก็จะสามารถเข้าสู่ Windows ได้ตามปกติ
ชิปไบออสที่ติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ดในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ แบบ
รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส (แบบ PLCC) ที่ขาสัญญาณอยู่รอบตัว และแบบรูปทรง
สี่เหลี่ยมผืนผ้า (แบบ DIP) แบบมีขาสัญญาณด้านข้าง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น