ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งที่ไหลเวียนระหว่างการทำงานของคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การรับข้อมูลเ้ข้ามาเพื่อประมวลผลหรือทำงานด้วย ซึ่งข้อมูล
ส่วนหนึ่งเราก็จำเป็นต้องบันทึกเก็บไว้ด้วยสื่อบันทึกข้อมูลประเภทต่างๆ ซึ่งทำหน้าที่เก็บพักข้อมูลแบบถาวรบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอยู่หลายๆ ประเภทด้วยกัน เพื่อ
ให้เกิดความสะดวกในการเก็บและสำรองข้อมูลขนาดต่าง ๆ กัน ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์, ไดรว์ซีดี/ดีวีดี และฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์
1) ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) : ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้เก็บโปรแกรมและข้อมูลทั้งหมดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์
จะวัดเป็น กิกะไบต์ (GB) ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 พันล้านไบต์
2) ไดรว์อ่าน/เขียนแผ่นซีดี/ดีวีดี : ไดรว์ CD-RW ใช้สำหรับอ่านและเขียนแผ่นซีดี ที่มีความจุมากถึง 700 เมกะไบต์ เป็นไดรว์มาตรฐานที่ติดตั้งไว้บน
เครื่องพีซี สำหรับไดรว์ DVD+-RW สำหรับอ่านแผ่นดีวีดี ที่มีความจุสูงกว่าแผ่นซีดี คือ 4.7 กิกะไบต์ และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
3) ไดรว์อ่าน/เขียนแผ่นดิสก์ (Folppy Disk) : ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ ใช้สำหรับอ่าน/เขียนแผ่นดิสก์ที่สามารถบรรจุข้อมูลได้ 1.44 เมกะไบต์เพื่อโอนย้าย/เก็บ
ข้อมูลขนาดเล็ก
1. ฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับเก็บข้อมูลทั้งหมดของเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมใช้งานต่าง ๆ ไฟล์ข้อมูล รวมทั้งระบบปฏิบัติการบน
เครื่อง คุณสมบัติที่สำคัญของฮาร์ดดิสก์มีอยู่หลายประการด้วยกัน เช่น ประเภทฮาร์ดดิสก์ ความจุของฮาร์ดดิสก์ ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล และมาตรฐานการ
ทำงานของฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
1.1 ประเภทของฮาร์ดดิสก์
มาตรฐานของฮาร์ดิสก์ที่มีใช้งานอยู่บนเครื่องพีซีปัจจุบัน ใช้มาตรฐานเดียวกันเกือบทั้งหมด คือ EIDE ที่พัฒนาต่อจากมาตรฐาน IDE เดิม ซึ่งโดยทั่วไปก็
มักเรียกรวม ๆ กันว่า IDE นั่นเอง นอกจากนั้นยังมีมาตรฐาน SCSI(อ่านว่า สกัสซี่) ที่ใช้กับเครื่องในระดับสูง เช่น เครื่องเซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น และมาตรฐานล่าสุดคือ
Serial ATA ที่พัฒนาความเร็วในการับ/ส่งข้อมูลได้สูงกว่าเดิมมากทีเดียว
ฮาร์ดิสก์ IEDE ฮาร์ดดิสก์มาตรฐาน EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronic) เป็นมาตรฐานหลักในปัจจุบัน โดยพัฒนา
ต่อจากมาตรฐานฮาร์ดดิสก์ในแบบเดิม ซึ่งเคยจำกัดความจุของข้อมูลได้เพียง 540 MB มาตรฐาน EIDE นี้จะใช้
ชนิดสายสัญญาณ 80 Pin เชื่อมต่อระหว่าฮาร์ดดิสก์กับช่องต่อ IDE บนเมนบอร์ด อีกทั้งยังสนับสนุนการเชื่อมต่อ
กับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ไดรว์ CD-ROM/CD-RW, ไดรว์ DVD หรือ Tape Drive เป็นต้น


ตัวอย่างฮาร์ดดิสก์มาตรฐาน EIDE แสดงขั้วต่อ IDE บนฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ SCSI เรียกว่า สกัสซี่ เป็นมาตรฐานฮาร์ดดิสก์อีกแบบหนึ่งที่รวมเอาแผงวงจรควบคุมไว้ที่ฮาร์ดดิสก์ และใช้ Host
Adapter Card (หรือ SCSI Card) เชื่อมต่อกับเมนบอร์ด ซึ่งใช้รูปแบบเดียวกับ IDE แต่ SCSI สามารถนำไปใช้
ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้หลากหลาย โดยการอ้างอิงด้วยบัส

ฮาร์ดดิสก์ Serial ATA มาตรฐาน Serial ATA เป็นอินเทอร์เฟสใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่มาตรฐาน EIDE ที่ใช้งานกันอยู่ โดยการทำงานของ
ฮาร์ดดิสก์มาตรฐาน Serial ATA จะแตกต่างออกไป คือหันมาใช้ระบบการรับ/ส่งข้อมูลในแบบอนุกรม (Serisl)
แทนแบบขนาน (Parallel) ที่ใช้อยู่เดิมในฮาร์ดดิสก์ EIDE ซึ่งไม่สามารถเพิ่มความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูลได้สูงกว่า
นี้ สำหรับ Serial ATA นั้นเวอร์ชั่น 1.0 จะมีความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูลสูงถึง 150 MB/s แลยทีเดียว

เปรียบเทียบสายเชื่อมต่อระหว่างมาตรฐาน EIDE เดิม และ Serial ATA
สายเชื่อมต่อของมาตรฐาน Serial ATA นั้น จะมีขนาดเล็กลงกว่าแบบ EIDE ที่ใช้สายเคเบิลแบบ 80 เส้นและ 40 เส้น ซึ่งทำให้ระบบการไหลเวียนอากาศ
ไม่ดีนัก Serial ATA จะใช้สายสัญญาณขนาดเท่า ๆ กับสายโทรศัพท์นี่เอง ทำให้มีพื้นที่การไหลเวียนของอากาศภายในเครื่องได้ดีกว่า พร้อมทั้งใช้พลังงานไฟต่ำ
กว่าด้วย
1.2 โหมดการทำงานของฮาร์ดดิสก์
คอมพิวเตอร์จะต้องอ่าน และเขียนฮาร์ดดิสก์อยู่เสมอ ดังนั้นความเร็วในการทำงานของเครื่องโดยรวมจึงขึ้นกับ ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล ลงใน
ฮาร์ดดิสก์ด้วย ค่าที่บอกถึงความเร็วของฮาร์ดดิสก์ก็คือ อัตราการรับ/ส่งข้อมูล (Transfer Rate) ซึ่งการทำงานของฮาร์ดดิสก์จะทำงานด้วยโหมดต่าง ๆ กัน
ฮาร์ดดิสก์มาตรฐาน IDE เดิมนั้น มักจะอ้างอิงโหมดการทำงานด้วย PIO (Programmed Input/Output) โดยการรับ/ส่งข้อมูลจะทำผ่านซีพียูด้วย ทำให้
เกิดภาระแก่ซีพียูมากขึ้น ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่ทำงานอยู่ในโหมดนี้ไม่มีจำหน่ายต่อไปอีกแล้ว ฮาร์ดดิสก์ประเภท EIDE จะอ้างอิงด้วยโหมดการทำงานแบบ DMA
(Direct Memory Access) ซึ่งถูกพัฒนาการทำงานให้สามารถรับ/ส่งข้อมูลโดยตรงระหว่างแรมและฮาร์ดดิสก์ โดยไม่ต้องผ่านตัวซีพียู ทำให้ความเร็วในการรับ/
ส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น
ตารางแสดงโหมดการรับ/ส่งข้อมูลแบบ DMA
โหมดการทำงาน อัตรารับ/ส่งข้อมูล (Transfer Rate)
DMA โหมด 1 (PIO โหมด 3) 11.1 MB/s
DMA โหมด 2 (PIO โหมด 4) 16.6 MB/s
Ultra DMA/33 (Ultra ATA/33) 33 MB/s
Ultra DMA/66 (Ultra ATA/66) 66 MB/s
Ultra DMA/100 (Ultra ATA/100) 100 MB/s
Ultra DMA/133 (Ultra ATA/133) 133 MB/s
Serial ATA 150 MB/s
เพิ่มเติม : เข้าใจการเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์
การเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ จะกระทำโดยการสร้างสนามแม่เหล็กลงบนแผ่นดิสก์ข้อมูล (Platter) ซึ่งแผ่นดิสก์ข้อมูลแต่ละด้านจะเก็บข้อมูลตาม
แนวของเส้นรอบวง ซึ่งแนวของเส้นรอบวงบนแผ่นดิสก์ข้อมูลนั้นเราเรียกว่า Track โดยจะเรียก Track ที่อยู่ด้านนอกสุดของแผ่นดิสก์ข้อมูลว่า Track 0
และถัดมาเรียกว่า Track 1 ตามลำดับมาเรื่อย ๆ
ในแต่ละ Track จะมีการแบ่งออกเป็นช่วงๆ ย่อยลงไปอีก ซึ่งเราเรียกว่า Sector แต่ละ Sector จะมีขนาด 512 ไบต์ โดย Track รอบนอกจะมี
จำนวน Sector มากกว่า Track ที่อยู่ด้านใน สำหรับ Cylinder ก็คือ Track ที่ตรงกันของทุกๆ แผ่นดิสก์ข้อมูลในแนวดิ่ง โดยการอ้างถึง Cylinder จะ
เรียกตามชื่อ Track ที่ตรงกันนั้น เช่น Cylinder 0 ก็คือการรวมเอา Track 0 ของทุก ๆ แผ่นดิสก์ข้อมูลเข้าด้วยกันนั่นเอง

ส่วนใหญ่ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์นั้น จะบอกให้เราทราบจากฉลาก (Label) บนตัวฮาร์ดดิสก์อยู่แล้ว แต่เรายังสามารถคำนวณความจุของ
ฮาร์ดดิสก์ได้อีก หากเราทราบจำนวนของหัวอ่าน (Heads), Cylinders และ Sector บนฮาร์ดดิสก์ จากสูตรการคำนวณดังนี้

การอ่านข้อมูลบนคอมพิวเตอร์นั้น จะใช้ตัวเลขฐานสองมาช่วย นั่นคือใช้ตัวเลขเพียง 2 ตัวเท่านั้น คือ 0 กับ 1 โดยหากเป็นสัญญาณต่อวงจรจะ
แทนด้วย 1 และไม่ต่อวงจรแทนด้วย 0 หนึ่งตัวเลขฐานสองจะเรียกว่า 1 บิต (Bit) เมื่อนำจำนวนบิตมาต่อกันเป็น 8 บิต จะเท่ากับ 1 ไบต์ (Byte) ซึ่ง
แทน 1 ตัวอักษร (Character) และเมื่อจำนวนไบต์เพิ่มมากขึ้น เราจะแทนด้วยหน่วยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1 กิโลไบต์ (Kilobyte) = 1,024 ไบต์
1 เมกะไบต์ (Megabyte) = 1,048,576 ไบต์
1 กิกะไบต์ (Gigabyte) = 1}073,741,842 ไบต์
1 เทราไบต์ (Terabyte) = 1,099,511 ล้านไบต์
1 ฟิโตไบต์ (Petobyte) = 1,125,899,906 ล้านไบต์
1.3 คุณสมบัติสำคัญของฮาร์ดดิสก์
ในการเลือกฮาร์ดดิสก์นั้น นอกจากการดูขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการแล้ว ยังมีคุณสมบัติอีกหลาย ๆ ตัวที่เราต้องคำนึงถึงและตรวจสอบจากผู้ขาย
เช่น โหมดการทำงานของฮาร์ดดิสก์ เลือกให้ตรงกับระบบที่เมนบอร์ดรองรับ ความเร็วรอบในการหมุนของฮาร์ดดิสก์ หรือระยะเวลาเฉลี่ยในการเข้าถึงข้อมูล
ความจุฮาร์ดดิสก์ ความจุฮาร์ดดิสก์มีขนาดเป็น GB (กิกะไบต์) ซึ่งยิ่งความจุสูงก็ยิ่งมีเนื้อที่เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ปัจจุบันมีการผลิตฮาร์ดดิสก์
ที่มีความจุมากถึง 1,000 GB ออกวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งเราต้องลองคำนวณความต้องการดูว่าต้องใช้เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ทำ
อะไรบ้าง ติดตั้งระบบปฏิบัติการตัวไหน ติดตั้งโปรแกรมอะไรบ้าง และต้องเก็บไฟล์ข้อมูลมากเท่าไหร่ พร้อมทั้งเผื่อไว้สำ
หรับในอนาคตด้วย
อัตราการรับ/ส่งข้อมูล อัตราการรับ/ส่งข้อมูล (Transfer Rate) คือ ปริมาณข้อมูลที่ถูกส่งผ่านภายใน 1 วินาที จะนับเป็นเมกะไบต์ต่อวินาที
(MB/s) ซึ่งขึ้นอยู่กับมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์รุ่นนั้น ๆ ว่ารองรับการทำงานในโหมดใด เช่น Ultra ATA/100 และ Ultra
ATA/133 ก็จะมีอัตราการรับ/ส่งข้อมูลเท่ากับ 100 MB/s และ 133 MB/s ตามลำดับ ส่วนมาตรฐาน Serial ATA 1.0 ใน
ปัจจุบันจุบันจะมีความเร็วใจการรับ/ส่งข้อมูล 150 MB/s มาตรฐานการทำงานของฮาร์ดดิสก ์ เช่น Ultra ATA/66, Ultra
ATA/100 หรือ Ultra ATA/133 นี้จำเป็นต้องเลือกให้ตรงกับการสนับสนุนของเมนบอร์ดที่ใช้ด้วย
ความเร็วรอบ ความเร็วรอบ คือการหมุนของแผ่นดิสก์ข้อมูลที่อยู่ภายในฮาร์ดดิสก์เพื่อทำการอ่านหรือเขียนข้อมูล หน่วยวัดของความเร็ว
นั้นจะวัดเป็นรอบต่อนาที (rpm : round per minute) ความเร็วรอบในการหมุนของแผ่นดิสก์ยิ่งมาก ก็จะทำให้สามารถ
อ่าน/เขียนข้อมูลได้เร็วขึ้น ปัจจุบันมีใช้กันอยู่ 2 ความเร็ว คือ 5,400 กับ 7,200 รอบ/นาที(rpm) ซึ่งต่อไปกำลังพัฒนาไป
ถึง 10,000 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว
เวลาเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ย
หรือเรียกว่า Access Time เป็นอีกคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์โดยตรง ค่า
เวลาการเข้าถึงข้อมูลนี้จะถูกวัดเป็นหน่วยมิลลิวินาที (ms : millisecond) หรือ 1 ใน 1,000 วินาที ยิ่งฮาร์ดดิสก์มีค่านี้
น้อยมาเท่าไรแสดงว่าสามารถอ่านข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น ฮาร์ดดิสก์ IDE ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
เฉลี่ยอยู่ที่ 8-12 มิลลิวินาที (ms) ซึ่งฮาร์ดดิสก์มาตรฐานส่วนใหญ่จะมีค่า Access Time อยู่ที่ประมาณ 8-9 มิลลิวินาที
เท่านั้น
บัฟเฟอร์ (Buffer) บัฟเฟอร์ (Buffer) เป็นหน่วนความจำสำหรับพักข้อมูลในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อรอส่งข้อมูลให้กับอุปกรณ์ที่ติดต่อด้วยต่อ
ไป บัฟเฟอร์ได้ถูกนำมาใช้บนฮาร์ดดิสก์ด้วยเพื่อให้การส่งข้อมุลของฮาร์ดดิสก์ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เชน แรม มีประสิทธิภาพ
มากยิ่งขึ้น การอ่านข้อมูลจากบัฟเฟอร์แทนการเข้าไปอ่านข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์โดยตรง จะช่วยลดระยะเวลาการทำงานลง
ได้้มากทีเดียว ดังนั้นการที่ฮาร์ดดิกส์มีขนาดบัฟเฟอร์สูง แสดงว่าการส่งข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันมักจะเริ่มต้นที่ 2 MB ไปจนถึง 8 MB
2. ไดรว์อ่าน/เขียนซีดี/ดีวีดี
สื่อบันทึกข้อมูลยอดนิยมในปัจจุบันก็คือแผ่นซีดี/ดีวีดี โดยดีวีดี (DVD มาจากคำว่า Digital Video Disc) เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ไดรว์ดีวีดีจะอ่านแผ่น
ดีวีดี (ซึ่งสามารถอ่านแผ่นซีดีปกติได้ด้วย) ซึ่งมีหน้าตาคล้ายแผ่นซีดีธรรมดา แต่มีความจุสูงกว่ามาก คือสามารถจุได้ถึง 4.7 GB ต่อด้านในขณะที่แผ่นซีดีปกติจุได้
เพียง 650-700 MB เท่านั้น ไดรว์ดีวีดีจะใช้แสงเลเซอร์ที่มีความถี่สูงกว่าที่ใช้บนไดรว์ซีมากในการอ่านข้อมูล
การอ่านข้อมูลจากไดรว์ดีวีดีนั้น ถึงจะหมุนด้วยความเร็วที่ต่ำกว่าไดรว์ซีดี แต่แ่ผ่นดีวีดีจะมีความหนาแน่นของข้อมูลกว่า ทำให้สามารถอ่านข้อมูลได้มากกว่า
ในเวลาที่เท่ากัน นอกจากนั้นคุณภาพทีได้จากแผ่นดีวีดีจะสูงกว่าแผ่นซีดีอีกด้วย
2.1 ประเภทของไดรว์อ่าน/เขียนซีดี
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับสื่อบันทึกข้อมูลแบบซีดีก่่อน ซึ่งไดรว์ซีดีในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภท คือ ซีดีรอมไดรว์ และซีดีอาร์ดับบลิวไดรว์ ซึ่งแต่ละประ
เภทนั้นก็มีความสามารถแตกต่างกัน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ซีดีรอมไดรว์

ได้อย่างเดียว ไม่สามารถเขียนข้อมูลลงไปได้
ซีดีอาร์ดับบลิวไดรว์

มูลเก่าที่เขียนไว้ แล้วเขียนข้อมูลใหม่ลงไปบนแผ่นดิสก์แบบพิเศษ คือ แผ่น CD-R (เขียนข้อมูล
ได้เพียงครั้งเดียว) และแผ่น CD-RW (เขียนและลบข้อมูลได้หลาย ๆ ครั้ง)
2.2 ประเภทของไดรว์อ่าน/เขียนดีวีดี
ไดรว์ดีวีดีใช้สำหรับอ่านแผ่นดีวีดี (DVD : Digital Video Disc) ซึ่งเราสามารถอ่านแผ่นซีดีปกติได้ด้วย มีหน้าตาคล้ายแผ่นซีดีธรรมดา แต่มีความจุสูงกว่า
มาก คือสามารถจุได้ถึง 4.7 GB (แผ่นดีวีดีทั่วไป หรือเรียกว่า DVD5 นอกจากนั้นยังมีแผ่น DVD9 ที่จุได้ถึง 8.4 GB) ในขณะที่แผ่นซีดีปกติจุได้เพียง 650-700
MB เท่านั้น
การอ่านข้อมูลจากไดรว์ดีวีดีนั้น ถึงจะหมุนด้วยความเร็วที่ต่ำกว่าไดรว์ซีดี แต่แผ่นดีวีดีจะมีความหนาแน่นของข้อมูลกว่า ทำให้สามารถอ่านข้อมูลได้มากกว่า
ในเวลาที่เท่ากัน นอกจากนั้นคุณภาพที่ได้จากแผ่นดีวีดีจะสูงกว่าแผ่นซีดีอีกด้วย ดีวีดีไดรว์นั้นก็เช่นเดียวกับซีดีไดรว์นั่นเอง คือแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ประเภท เช่น
อ่านแผ่นได้อย่างเดียว หรือทั้งอ่านและเขียนแผ่นได้ด้วย ดังต่อไปนี้
ดีวีดีรอมไดรว์

บนแผ่นได้ ในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อดีวีดีรอมไดรว์มาติดตั้งได้ไม่ยาก เนื่องจากมีราคาถูก และ
ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อ เช่นเดียวกับไดรว์ซีดีนั่นเอง
คอมโบไดรว์

ดีวีดีรอมไดรว์มาไว้ด้วยกันคืออ่าน/เขียนแผ่นซีดีได้ รวมทั้งอ่านแผ่นดีวีดีได้อีกด้วย
ดีวีดีอาร์ดับบลิวไดรว์

DVD-R และแผ่น DVD-RW ได้ และสามารถอ่า่น/เขียนแผ่นซีดีธรรมดาได้ด้วย ซึ่งไดรว์ประเภท
นี้กำลังเป็นที่นิยมากขึ้นถือเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ใช้ในปัจจุบัน
ปัจจุบันผู้ผลิตหลาย ๆ รายต่างก็กำลังเปิดตัวไดรว์ชนิดนี้ออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทีต้องทำงานกับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
และที่สำคัญราคาไดรว์ประเภทนี้กำลังมีราคาลดต่ำลงมามาก (ประมาณ 500-3,000 บาท)
แนะนำเอชดีดีวีดีไดรว์ และบลูเรย์ไดรว์
ปัจจุบันยังมีไดรว์รุ่นใหม่ คือ เอชดีดีวีดีไดรว์ และบลูเรย์ไดรว์ ที่เพิ่มความจุของแผ่นมากขึ้นไปอีก ทำให้สามารถบรรจุไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียง
ความละเอียดสูงลงในแผ่นประเภทนี้ได้ ซึ่งมีวางจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน และคาดว่าอาจจะเข้ามาแทนที่ดีวีดีในอนาคตอันใกล้นี้
เอชดีดีวีดีไดรว์ (HD DVD Drive)

เอชดีดีวีดีไดรว์ (HD DVD Drive) หรือ High Definition DVD
Drive) เป็นไดรว์รุ่นใหม่ที่สามารถอ่านและเขียนแผ่นซีดี ดีวีดี และเอช
ดีดีวีดีได้ โดยความจุเริ่มต้นของแผ่นเอชดีดีวีดีอยู่ที่ 15 GB และแบบ
หลายชั้น (Dual Layer) จะจุได้ถึง 30 GB
บลูเรย์ไดรว์ (Blu-ray Drive)

บลูเรย์ไดรว์ (Blu-ray Drive) เป็นไดรว์รุ่นใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง
เช่นกัน เป็นคู่แข่งของเอชดีดีวีดีโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถอ่านและเขียน
แผ่นซีดี ดีวีดี และบลูเรย์ดิสก์ (BD-R, BD-RE) ได้ โดยความจุของ
แผ่นบลูเรย์ดิสก์จะสูงกว่าแผ่นเอชดีดีวีดี คือ เริ่มต้นที่ 25 GB
2.3 รูปแบบการเชื่อมต่อของไดรว์ซีดี/ดีวีดี
มาตรฐานการเชื่อมต่อของไดรว์ซีดี และไดรว์ดีวีดีนั้น ใช้รูปแบบการเชื่อมต่อ IDE ช่องที่ 2 (Secondary IDE) เพื่อไม่ให้ไปชนกับเส้นทางการับ/ส่งข้อมูล
ของฮาร์ดดิสก์ที่มักใช้ IDE ช่องแรก (Primary IDE) ซึ่งในความเป็นจริงหากเรามีสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว เราก็สามารถต่อไดรว์ซีดีโดยใช้สายเส้นเดียวกับ
ฮาร์ดดิสก์ได้เช่นกัน


2.3.2 แบบติดตั้งภายนอก

รูปแบบการติดตั้งแบบภายนอก โดยใช้พอร์ต USB ถือว่ามีความสะดวกและกำลังได้รับความนิยม
เนื่องจากง่ายต่อการติดตั้ง และเคลื่อยย้าย ทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ หันมานำรูปแบบการเชื่อมต่อ
USB ไปใช้ รวมทั้งไดรว์ซีดี/ดีวีดีด้วย
2.4 ส่วนประกอบของซีดี/ดีวีดีไดรว์
ส่วนประกอบของไดรว์ซีดี หรือดีวีดีนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับฮาร์ดดิสก์ คือด้านหลังของไดรว์จะมีช่องเชื่อมต่อของสายสัญญาณ ช่องสำหรับเซตจั้มเปอร์
(ในกรณีที่ต่อไดรว์ซีดี/ดีวีดีเข้ากับเครื่องมากกว่า 1 ตัว) ช่องเสียบสาย Audio เพื่อฟังเพลงโดยตรงจากแผ่นซีดีโดยไม่ต้องเปิดโปรแกรม และขั้วต่อของสายไฟ
เลี้ยงจาก Power Suppy ดังรูป

ส่วนบริเวณด้านหน้าของไดรว์นั้น ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายนัก คือ มีช่องสำหรับใส่แผ่นซีดี ปุ่ม Eject สำหรับนำแผ่นซีดีออกจากไดรว์ ปุ่มสำหรับปรับ
ระดับเสียง และช่องสำหรับเสียบหูฟัง ดังรูป

สำหรับโครงสร้างภายในนั้น จะประกอบด้วยหัวอ่าน/เขียนข้อมูลลงบนแผ่นซีดี ส่วนควบคุมการอ่าน/เขียน มอเตอร์สำหรับหมุนจานแผ่นซีดี และแผงวงจร
อิเล็กทรอนิกส์สำหรับควบคุมการทำงานทั้งหมด
2.5 ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล
ไดรว์ประเภทต่าง ๆ จะมีรูปแบบการระบุความเร็วในการอ่าน/เขียนแผ่นซีดีแตกต่างกันไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1) ความเร็วของไดรว์ซีดีรอม
ไดรว์ซีดีรอมจะมีค่ากำกับเพียงค่าเดียว คือตัวเลขตามด้วยเครื่องหมาย X ซึ่งเป็นหน่วยความเร็วในการอ่านหรือเขียนซีดี 1X จะมีความเร็วเท่ากับ 150 KB/s
ความเร็วในการอ่านแผ่นของไดรว์ซีดีรอมนั้นถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันนั้นมีไดรว์ที่อ่านแผ่นซีดีได้ด้วยความเร็วถึง 58X เลยทีเดียว
2) ความเร็วของไดรว์ซีดีอาร์ดับบลิว
ไดรว์ซีดีอาร์ดับบลิวจะมีการระบุความเร็วของไดรว์เป็นตัวเลข 3 ชุด คือ AXBXCX โดยอักษร A, B, C จะแทนด้วยตัวเลข ซึ่งแต่ละตำแหน่งของชุดตัวเลขมี
ความหมายดังนี้
AX หมายถึง ความเร็วในการเขียนแผ่นซีดีอาร์ (CD-R) ได้สูงสุด
BX หมายถึง ความเร็วในการเขียนแผ่นซีดีอาร์ดับบลิว (CD-RW) ได้สูงสุด
CX หมายถึง ความเร็วในการอ่านแผ่นซีดีได้ด้วยอัตราเร็วสูงสุด
ตัวอย่างเช่น ไดรว์ซีดีอาร์ดับบลิวความเร็ว 48X12X50X หมายความว่าเครื่องอ่าน/เขียนซีดี เครื่องนี้สามารถเขียนข้อมูลลงแผ่น CD-R ได้ด้วยอัตราเร็ว
7200 KB/s (48X150) เขียนข้อมูลลงแผ่น CD-RW ได้ด้วยอัตราเร็ว 1800 KB/s (12X150) และอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีปกติได้ด้วยอัตราเร็ว 7500 KB/s
(50X150) ตามลำดับ
3) ความเร็วของไดรว์ดีวีดี
ค่าตัวเลขกำกับบนไดรว์ดีวีดีนั้น คล้ายกับบนไดรว์ซีดีรอม คือตัวเลขตามด้วยเครื่องหมาย X แต่ความเร็วที่ใช้แทนค่า X นั้นแตกต่างจากที่ใช้บนไดรว์ซีดีรอม คือค่าหน่วย X ที่ใช้บนไดรว์ดีวีดีนั้นจะแทนความเร็วประมาณ 1,350 KB/s
ตารางต่อไปนี้แสดงความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลลงบนแผ่นดีวีดี ซึ่งใน 1 รอบจะได้ข้อมูลมากกว่าการอ่านแผ่นซีดีจากไดรว์ซีดีรอมถึง 9 เท่า และหากนำ
ไดรว์ดีวีดีนี้มาใช้ในการอ่านแผ่นซีดีจะได้ัอัตราเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4 เท่าของไดรว์ซีดีรอมปกติทีเดียว
ตารางแสดงค่าความเร็วของไดรว์ดีวีดี
ความเร็วของดีวีดีไดรว์ อ่าน/เขียนข้อมูลแผ่นดีวีดี อ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีปกติ
1X 1350 KB/s (1.35 MB/s) 600 KB/s
2X 2700 KB/s (2.7 MB/s) 120 KB/s (1.2 MB/s)
4X 5400 KB/s (5.4 MB/s) 2400 KB/s (2.4 MB/s)
8X 10800 KB/s (10.8 MB/s)
4800 KB/s (4.8 MB/s)
12X 16200 KB/s (16.2 MB/s) 7200 KB/s (7.2 MB/s)
16X 21,600 KB/s (21.6 MB/s) 9600 KB/s (9.6 MB/s)
2.6 ขนาดของบัฟเฟอร์
เมื่อเราเขียนข้อมูลลงบนซีดี ฮาร์ดดิสก์ก็ต้องส่งข้อมูลมาให้ซีดีเขียน ซึ่งการเขียนซีดีต้องเขียนอย่างต่อเนื่อง ถ้ามีการเขียนหยุดลงโดยที่ยังเขียนไม่เสร็จ
ซีดีแผ่นนั้นก็จะเสีย ซึ่งการอ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสก์บางครั้งช้า บางครั้งเร็ว ขึ้นอยู่กับความกระจาย (Fragment) ของไฟล์นั้น ๆ และระยะห่างบนฮาร์ดดิสก์จนบาง
ครั้งอัตราการอ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ก็ลดลงไป ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตจึงใส่หน่วยความจำที่เรียกว่าบัฟเฟอร์ไว้ในไดรว์เขียนซีดีด้วย เพื่อป้องกันปัญหานี้
ส่วนมากขนาดบัฟเฟอร์ควรมีขนาดเท่ากับ A/2 MB โดย A หมายถึงความเร็วในการเขียนแผ่นซีดีอาร์ เช่น ไดรว์เขียนซีดี 16X12X40X ก็จะมีบัฟเฟอร์ 8 MB
ในบางครั้งที่ฮาร์ดดิสก์ส่งข้อมูลมาให้ช้าจนข้อมูลในบัฟเฟอร์ถูกเขียนลงไปหมด และทำให้ไดรว์หยุดการเขียน และซีดีแผ่นนั้นอ่านไม่ได้ (เสีย) เราเรียกปัญหานี้ว่า
บัฟเฟอร์อันเดอร์รัน (Buffer Under Run)
3. ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์
ไดรว์ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk Drive) เป็นไดรว์รุ่นเก่า สำหรับจัดเก็บและสำรองไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กลงแผ่นดิสก์เก็ต (Diskette) ซึ่งมีขนาด 3.5 นิ้ว จุ
ข้อมูลได้ 1.44 MB

ลักษณะของฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ และแผ่นดิสก์เก็ต
ส่วนประกอบของไดรว์ฟล็อปปี้ จะมีความคล้ายคลึงกับไดรว์ซีดี รวมไปถึงฮาร์ดดิสก์ด้วย คือทางด้านหลังของไดรว์จะมีขั้วต่อสายสัญญาณ ซึ่งสายสัญญาณ
นี้จะต่อเข้ากับช่องต่อ FDD บนเมนบอร์ด และขั้วต่อสายไฟเลี้ยงจาก Power Supply ดังรูป

4. Thumb Drive และ Flash Drive
Thumb Drive และ Flash Drive เป็นสื่อการเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ที่ได้ความนิยมในปัจจุบันโดยไม่ต้องมีตัวไดรว์ หรือแผ่นดิสก์ที่ใช้ร่วมกันแบบอุปกรณ์
เก็บข้อมูลอื่น ๆ ตัว Thumb Drive นั้น เป็นทั้งไดรว์ และชิปเก็บข้อมูลด้วยในตัว โดยสามารถนำไปเชื่อมต่อเข้ากับพอร์ตของคอมพิวเตอร์ได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่มัก
ใช้งานร่วมกับพอร์ต USB นั่นเอง ตอนนี้ความจุของ Thumb Drive อยู่ที่ประมาณ 256 MB-4GB

ลักษณะของ Thumb Drive แบบต่าง ๆ
ข้อดีของอุปกรณ์ประเภทนี้นั้น นอกจากสามารถเก็บข้อมูลได้ปริมาณมากกว่าแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์แล้ว (ซึ่งปัจจุบันความจุ 1.44 MB ไม่เพียงพอสำหรับ
การบรรจุรูปความละเอียดปานกลางเสียแล้ว) ยังสามารถเคลื่อนย้าย ถอดและนำไปติดตั้งบนพีซีเครื่องอื่น ๆ ได้สะดวก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น